วันศุกร์ที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

Class 11: Strategic Information System


Web Mining (cont.)
·        ทำผ่าน website ซึ่งมี customer behavior อยู่ภายใน เช่น history
·        ช่วย match ทรัพยากร กับ ความต้องการของผู้เข้าใช้บริการได้
ประเภท
1.       Content mining – ดึงข้อมูลว่า page ใดที่คนให้ความสนใจ เช่น การใช้เวลาอยู่ใน page นาน
2.       Structure mining – การดึงข้อมูลว่า link ใดที่ลกค้ากดผ่านเข้ามาสู่เว็ปไซต์
3.       Usage mining – การดึงข้อมูลเกี่ยวกับการใช้งาน เช่น page ที่เข้าใช้งาน หรือ การทำ transaction ต่างๆเป็นต้น
Strategic Information System
           ปัจุบัน hardware & software ถูกพัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ราคาสูงและอายุการใช้งานต่ำลง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง software และหากบริษัทไม่พัฒนาระบบ IS ที่ดีเพียงพอแล้วเมื่อธุรกิจเติบโตจนเป็นขนาดใหญ่มักประสบปัญหาการดำเนินงานในองค์กรที่ขาด efficiency เนื่องจากการตอบสนองต่อสิ่งต่างๆที่ล่าช้าจากการที่ขาด integration ระหว่างหน่วยงาน
IT & IS Planning
                   เป็นการกำหนดรากฐานของระบบอย่างเหมาะสม โดยเฉพาะ network ซึ่งจำเป็นต้องมีการแชร์ข้อมูลกันระหว่างแผนก และในบางกรณี hardware ก็เป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับการจัดตั้ง IS เช่นกัน โดยเงื่อนไขการกำหนดนั้นต้องให้สอดคล้องกับ objective และ strategy ของบริษัทกับภาคส่วน IT ด้วย
Four-stage planning
1.       Strategic IT planning – สร้างและอธิบายถึงความสัมพันธ์ว่า IT&IS ช่วยให้องค์กรบรรลุเป้าหมายได้อย่างไร
1.1 กำหนด mission – เป็นการกำหนดพันธกิจขององค์กรเพื่อใช้เป็นกรอบในการพัฒนาระบบ IS ว่าจะตอบสนองการดำเนินงานอย่างไรเพื่อที่จะบรรลุ mission ภาพใหญ่ที่บริษัทตั้งไว้
1.2 –Access environment – เช่น ศักยภาพ IS ปัจจุบัน ระดับ application portfolio ศักยภาพของพนักงาน หรือภาพลักษณ์ของ IS ในองค์กร ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะเป็นตัวกำหนดแนวทางในการพัฒนา IS ว่าจำเป็นต้องมีสิ่งใดและดำเนินไปในแนวทางใดบ้าง
1.3  Access organization objective strategies – เป็นการมองอนาคตขององค์กร และทบทวนแนวคิด vision mission goal เดิมว่าระบบที่จะมีขึ้นนั้นตอบสนองต่อผลประโยชน์ตามที่องค์กรต้องการหรือไม่
1.4 SET IS policy – เป็นการระบุว่าองค์กรจะให้ความสำคัญเกี่ยกับ IS ภายในองค์กรระดับใด ซึ่งบางองค์กรอาจให้ความสำคัญมากจนก่อตั้งเป็นหน่วยงานหนึ่งและมี CIO ควบคุมบริหารงาน หรือ บางบริษัทอาจกระจาย IS ไปยังหน่วยงานต่างๆและให้บุคคลภายนอกเข้ามาดูแลระบบเท่านั้น โดยทั้ง 2 วิธีก็ต่างมีความเหมาะสมที่แตกต่างกันตามประเภทของอุตสาหกรรม
2.       Information requirement analysis – ความจำเป็นของระบบ IT&IS ต่างๆในแต่ละฝ่ายต่างๆ ซึ่งบางฝ่ายอาจมีมากกว่าหนึ่งหรือไม่มีก็ได้
2.1 Access organization’s information requirement – เป็นกระบวนการเตรียมความพร้อมก่อนที่บริษัทจะนำ IS เข้ามาในองค์กรดดย พิจารณาว่าองค์กรขาดระบบใดที่มีความจำเป็น รวมถึงอาจมีการคาดการณ์อนาคตในเบื้องต้น เช่น ตลาดที่จะขยายออกไป เพื่อให้เห็นถึงทิศทางการพัฒนา IS
2.2 Assemble master development plan – เป็นการสร้างแนวคิดของ IS เบื้องต้นสำหรับบริษัท โดย กำหนดความหมายของ IS project และลำดับความสำคัญของแต่ละ project ที่ต้องพัฒนาก่อน-หลังในระยะยาวเพื่อให้ทราบว่า IS ประเภทในของฝ่ายใดที่ต้องเสร็จในแต่ละช่วงเวลาที่กำหนด
3.       Resource Allocation – การใช้ hardware หรือ software อะไรเพื่อให้สามารถดำเนินงานได้อย่างสะดวก
3.1 Develop resource requirement plan – ระบุว่า infrastructure และ application ใดที่บริษัทจำเป็นต้องพัฒนา ซึ่งหมายรวมถึง บุคลากรที่ต้องเตีรยมเพื่อใช้งาน IS ประเภทนั้นๆด้วย นอกจากนี้ในส่วนนี้ยังระบุถึงรายละเอียดปลีกย่อยที่ต้องคำนึงถึง เช่น ห้องทำงาน โต๊ะ อุปกรณ์ หรือกำลังไฟในสำนักงานเป็นต้น จากนั้นจึงนำเข้าสู่ Financial plan เพื่อประเมินความคุ้มค่าของระบบ เช่น cost per application
4.       Project Planning- ความคุ้มค่าในการลงทุนว่าการนำ IT&IS เข้ามาใช้งานในองค์กรหรือฝ่ายต่างๆแล้วจะทำให้ประสิทธิภาพและผลการดำเนินงานระยะยาวดีขึ้นหรือไม่
4.1 Evaluate & Development Project Plan – เป็นการประเมินว่าสุดท้ายแล้วศักยภาพทางการเงินขององค์กรมีเพียงพอในการการนำ IS ทั้งหมดที่คิดไว้มาใช้งานได้หรือไม่ ถ้าหากทรัพยากรไม่เพียงพอก็สมควรย้อนกลับไปเพื่อปรับปรุงแก้ไขโดยตัด IS ที่มีความสำคัญในระดับต่ำออกจากการพัฒนาระบบ IS (ข้อ1.4) เพื่อให้กระบวนการสามารถดำเนินการพัฒนาได้โดยไม่จำเป็นต้องมีค่าใช้จ่ายมากเกินกว่าที่ตั้งเป้าไว้
Business System Planning(BSP)
·        เป็นแนวทางพัฒนา IS แบบหนึ่งนอกเหนือจาก Four-stage planning โดยเป็นการพิจารณา business process ว่าองค์กรต้องทำอะไรบ้างเพื่อกำหนด Data Class ที่จำเป็นที่ IS ใช้ extract ข้อมูลออกมาใช้งาน
·        มีลักษณะเป็นทั้ง Top-down และ Bottom-up
·        เป็นการดู across-functional ว่าแต่ละส่วนต้องทำงานร่วมกันอย่างไร เช่น  ในการขายสินค้าจะเสร็จสิ้นต่อเมื่อฝ่ายบัญชีสร้างเรียกเก็บเงินอย่างเป็นลายลักษณ์อักษรไม่ใช่เป็นเพียงการเปลี่ยนโอนผู้ถือครองเท่านั้น
·        การมอง business-process ในภาพรวม และ กิจกรรมที่ต้องทำจากการดำเนินธุรกิจประเภทนั้น
·        การสร้าง IS โดยวิธีการนี้จะมีขั้นตอนดังนี้
1.       Gaining the commitment
2.       Prepare study
3.       Study process
4.       Defining business process
5.       Defining data class ว่าข้อมูลประเภทใดถูกนำไปใช้งานเรื่องใดต่อไป
6.       Assess Current System
7.       Perspective from executive
8.       Conclusion
Critical Success Factor(CSF)
·        เป็นการทำความเข้าใจว่าผู้บริหารระดับสูงต้องการอะไร แล้วจึงปรับปรุง IT ให้ใช้งานเพื่อตอบสนองได้ดียิ่งขึ้น
·        CSF ช่วยให้องค์กร survive & success โดยเปลี่ยนแปลงระดับความสำคัญของ IT ไปตามอุตสาหกรรรม
·        Process
1.       สัมภาษณ์ผู้บริหารแต่ละคนเพื่อรับฟังมุมมอง
2.       Aggregate & Analyst มุมมองที่ได้รับจากข้อ 1
3.       Develop Agreement ระหว่างกลุ่มผู้บริหารว่าสิ่งที่จำเป็นต้องใช้งานจริงที่ผู้บริหารหลายคนให้ความเห็นสอดคล้องกันคือประเด็นด้านอะไร
4.       Define Company CSF
§  DSS & Database
§  Develop IS priorities
·        จุดอ่อนจุดแข็งของวิธีการนี้
1.       Strength
§  ข้อมูลที่ใช้งานน้อย
§  คำนึงถึงปัจจัยด้านสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไว้จากการสัมภาษณ์ผู้บริหาร
2.       Weakness
§  ขั้นตอนมีน้อยจึงต้องพึ่งความสามารถของผู้สัมภาษณ์ค่อนข้างมาก
§  ประเด็นที่ได้อาจยากต่อการวิเคราะห์เพราะการสัมภาษณ์เป็นมุมมองรายบุคคลซึ่งทำให้ต้องตีความค่อนข้างมาก

ธารินทร์ ธนเรืองศักดิ์
5202112867

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น